ผู้ต้องสงสัย ของ เหตุยิงกันในออโรรา ค.ศ. 2012

เจมส์ โฮมส์
เกิดเจมส์ อีแกน โฮมส์[6]
13 ธันวาคม ค.ศ. 1987 (33 ปี)[42]
แซนดีเอโก, แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา
สัญชาติอเมริกัน
การศึกษาสูงสุดวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาประสาทวิทยาศาสตร์
ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตริเวอร์ไซด์
มหาวิทยาลัยโคโลราโด เดนเวอร์ (ไม่สำเร็จการศึกษาปริญญาดุษฎีบัณฑิต) [43]
มีชื่อเสียงจากผู้ต้องหาคดีเหตุยิงกันในออโรรา ค.ศ. 2012
ถูกกล่าวหา
ฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 24 กระทง
พยายามฆ่า 140 กระทง
ครอบครองวัตถุระเบิดโดยผิดกฎหมาย 1 กระทง
เพิ่มโทษเนื่องจากเป็นอาชญากรรมที่มีความรุนแรง[44]
รับโทษ
ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต 12 ครั้งโดยไม่สามารถขอทัณฑ์บน และจำคุกเพิ่มอีก 3,318 ปี[45][46][47]
สถานะทางคดี
จำคุก

ประวัติ

มือปืนผู้ต้องหาชื่อ เจมส์ อีแกน โฮมส์ (อังกฤษ: James Eagan Holmes) เกิดวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 1987 และเติบโตขึ้นมาในชุมชนแรนโชเพนญาสควิโทส เมืองแซนดีเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย[42][32] สำเร็จการศึกษาระดับไฮสกูลจากโรงเรียนไฮสกูลเวสต์วิวในชุมชนทอร์รีย์ไฮแลนส์ เมืองแซนดีเอโก ในปี 2006[48][49] ต่อมา เขาสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง[50][51] ในสาขาวิชาประสาทวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตริเวอร์ไซด์ ในปี 2010[52] แล้วจึงเข้าสมัครเป็นนักศึกษาในระดับปริญญาเอกในสาขาวิชาเดียวกันที่มหาวิทยาลัยโคโลราโด วิทยาเขตการแพทย์แอนสชุตซ์ ที่เมืองออโรรา ซึ่งเขาได้รับทุนจากรัฐบาลกลางและเป็นหนึ่งในนักศึกษาเพียง 6 คนที่ได้รับทุนจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ[53] ในปี 2012 ผลการเรียนของเขาตกต่ำลงและเขาทำคะแนนได้ไม่ดีในการสอบความเข้าใจ[43] แม้ว่ามหาวิทยาลัยไม่ได้มีแผนที่จะปลดเขาออกจากความนักศึกษา แต่โฮมส์ก็ได้ดำเนินการ และกำลังอยู่ในกระบวนการถอนวิชาออกจากวิทยาลัย[54] โฮมส์ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อน[55]

สื่อต่างๆ รายงานว่าพวกเขาพบร่องรอยในอินเทอร์เน็ตของโฮมส์น้อยมาก นอกจากอีเมลของมหาวิทยาลัยและรูปเก่าในมายสเปซเท่านั้น[56]

มีการค้นพบว่าไม่ถึงเดือนก่อนเกิดเหตุการณ์ โฮมส์สมัครเป็นสมาชิกที่สนามยิงปืนแห่งหนึ่ง โดยเจ้าของสนามยิงปืนเคยโทรหาโฮมส์และได้ยินเสียงฝากข้อความที่มีแรงบันดาลใจมาจากเรื่องแบทแมน[57]

การพิจารณาคดี

ในวันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2012 โฮมส์ พร้อมกับผมย้อมสีส้มอมแดง ปรากฏตัวต่อในศาลที่เมืองเซนเทนเนียล, โคโลราโด[58] ต่อหน้าผู้พิพากษาวิลเลียม บี. ซิลเวสเตอร์[59] โฮมส์ได้รับฟังสิทธิ์ของผู้ต้องหา[60]และไม่ได้ขอประกันตัว[61] ผู้พิพากษาออกคำสั่งคุ้มครอง[62]และแต่งตั้งทนายของรัฐให้กับผู้ต้องหา[60] ระหว่างการปรากฏตัวในศาล โฮมส์ไม่พูดอะไรและไม่มองหน้าผู้พิพากษา มองแต่เอกสารที่เขากำลังถืออยู่ เหม่อมองไปข้างหน้า[59] และมีสีหน้าท่าทางมึนงง[61]

ในวันที่ 30 กรกฎาคม อัยการรัฐโคโลราโดยื่นข้อกล่าวหานายโฮมส์ต่อศาล โดยตั้งข้อหาฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 24 กระทงและข้อหาพยายามฆ่า 116 กระทง พร้อมทั้งยังยื่นข้อกล่าวหาสองข้อหาดังกล่าวแทนเหยื่อแต่ละคนเพื่อเพิ่มโอกาสในการพิพากษาลงโทษ[63] ผู้พิพากษาศาลเขตแห่งรัฐโคโลราโด วิลเลียม บี. ซิลเวสเตอร์ ผู้พิจารณาคดี ได้ออกคำสั่งศาลไม่ให้ทนายความและตำรวจเปิดเผยข้อมูล, ปกปิดบันทึกศาลเป็นความลับ และห้ามมหาวิทยาลัยโคโลราโดเปิดเผยข้อมูลสาธารณะที่เกี่ยวกับประวัติของโฮมส์ระหว่างที่กำลังศึกษาอยู่ที่นั่น องค์กรสื่อต่างๆ คัดค้านผู้พิพากษาให้ยกเลิกการปกปิดบันทึกศาล[64]

ในวันที่ 9 สิงหาคม ทนายความของโฮมส์กล่าวว่าโฮมส์เป็นผู้ป่วยทางจิต และฝ่ายจำเลยต้องการเวลามากกว่านี้เพื่อประเมินลักษณะความผิดปกติทางจิต คำกล่าวนี้ได้รับการเปิดเผยในการพิจารณาคดีที่เซนเทนเนียล, โคโลราโด เมื่อองค์กรสื่อขอให้ผู้พิพากษายกเลิกการปกปิดบันทึกศาลในกรณีนี้[65] ในวันที่ 24 สิงหาคม ฝ่ายโจทก์กล่าวหาว่านายโฮมส์บอกกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนว่าเขาอยากฆ่าคน ก่อนเกิดเหตุ 4 เดือน[66]

ในวันที่ 30 สิงหาคม ผู้พิพากษาสั่งให้สมุดบันทึกของโฮมส์ (ซึ่งโจทก์กล่าวหาว่าเขาเขียนอธิบายการโจมตีไว้) ได้รับความคุ้มครองจากสิทธิ์ของแพทย์-ผู้ป่วย ในระหว่างที่โฮมส์ปรึกษากับจิตแพทย์ ทำให้หลักฐานนี้ใช้การไม่ได้ในศาล นอกจากอาการผิดปกติทางจิตของโฮมส์จะเป็นประเด็นขึ้นมาในคดี ในวันที่ 20 กันยายน ฝ่ายโจทก์จึงถอนคำขอตรวจสอบสมุดบันทึก[67] ด้วยเหตุที่นายโฮมส์พยายามฆ่าตัวตาย ผู้พิพากษาซิลเวสเตอร์จึงเลื่อนการพิจารณาคดีไปจนเดือนธันวาคม ค.ศ. 2012

ในวันที่ 2 มกราคม ค.ศ. 2013 อัยการและทนายความฝ่ายจำเลยกลับมาที่ศาลอีกครั้งเพื่อฟังการไต่สวนขั้นต้น[68] ในระหว่างการไต่สวน มีการรายงานว่าพนักงานสืบสวนพบขวดยาตามใบสั่งแพทย์ 4 ขวดและประวัติการก่อภูมิคุ้มกันจากอพาร์ตเมนท์ของโฮมส์ ที่ถูกตรวจค้นในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2012 ไม่มีการเปิดเผยว่าแพทย์สั่งยาอะไร แต่ผู้พิพากษาตัดสินตั้งแต่เดือนตุลาคม ค.ศ. 2012 ว่าโจทย์สามารถเก็บหลักฐานนี้ได้[69]

ในวันที่ 27 มีนาคม ทนายความฝ่ายจำเลยยื่นข้อเสนอให้โฮมส์รับผิด เพื่อแลกกับการที่ฝ่ายโจทก์ตกลงที่จะไม่ขอให้มีการลงโทษประหารชีวิต[70] ต่อมาในวันที่ 1 เมษายน ฝ่ายโจทย์ประกาศว่าจำเลยปฏิเสธข้อเสนอ โดยอัยการเขตอะแรพาโฮเคาน์ตี จอร์จ บร็อกเลอร์ ประกาศว่า "ตั้งใจและต้องการให้เจมส์ อีแกน โฮมส์ได้รับโทษประหารชีวิต"[71]

ระเบิดในที่พัก

เมื่อถูกจับกุม นายโฮมส์บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีระเบิดอยู่ในที่พักของเขา ที่อยู่ทางตอนเหนือของออโรรา[32] ตำรวจจึงทำการเข้าไปตรวจสอบบ้านของผู้ต้องหา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไป 8 กิโลเมตร[72] โดยเข้าไปตรวจด้วยความระมัดระวังว่าอาจมีระเบิด[10] อาคารอพาร์ทเมนต์[73] ที่ผู้ต้องหาอยู่อาศัยเป็นอาคารที่มีให้เฉพาะนักศึกษา คนไข้ และเจ้าหน้าที่ของศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยโคโลราโดเท่านั้น[32] เจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานว่า โฮมส์บอกกับตำรวจว่าเขาได้ทำการวางกับระเบิดไว้ในอพาร์ตเมนต์ของตัวเองก่อนที่จะเดินทางไปโรงภาพยนตร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจัดการอพยพคนออกจากอาคาร 5 อาคารที่อยู่ข้างเคียงและทำการเคลียร์บริเวณ[55] เจ้าหน้าที่เอฟบีไอและเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้บันไดเพื่อขึ้นไปยังห้องพักของโฮมส์ ซึ่งพวกเขาใช้เสาติดกล้องเพื่อตรวจสอบห้อง และยืนยันคำพูดของโฮมส์ เนื่องจากห้องพักดังกล่าวมีกับระเบิดอยู่เต็มห้อง[74] โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอธิบายลักษณะของระเบิดที่พบว่ามีความซับซ้อนมาก[75] ก่อนเกิดเหตุ เวลาประมาณเที่ยงคืน ผู้อาศัยอยู่ใต้ห้องของโฮมส์ได้ยินเสียงเพลงดัง ดังมาจากห้องของโฮมส์ จนผู้อาศัยหญิงคนหนึ่งไปเคาะประตูแล้วบอกว่าจะแจ้งตำรวจ เธอพบว่าประตูไม่ได้ล็อก แต่เลือกที่จะไม่เปิด เธอโทรไปแจ้งตำรวจเรื่องเสียงดังรบกวน แต่ในตอนนั้นเกิดเหตุยิงกันขึ้นพอดี ตำรวจจึงไม่ได้ตอบสนองต่อการโทรแจ้งนี้ หลังเกิดเหตุ เมื่อเธอทราบว่าในห้องมีกับระเบิดอยู่ เธอจึงกล่าวว่า "ฉันกลัวว่าถ้าฉันเปิดประตู ฉันอาจจะทำให้เกิดระเบิดไปแล้ว"[76][77]

หนึ่งวันหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ก็สามารถปลดลวดสะดุดระเบิดและอุปกรณ์ระเบิดได้บางส่วน[78] โดยใช้ตะขอเกี่ยวและรถติดบันไดของตำรวจดับเพลิง เพื่อเปิดทางให้คนหรือหุ่นยนต์สามารถเข้าไปในห้องพักได้[79] ตำรวจฝ่ายสืบสวนทำการเก็บหลักฐานต่างๆ ในห้องพักของผู้ต้องหา และพบสิ่งของหลายๆ อย่างซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึงหน้ากากแบทแมน โดยตำรวจเก็บหลักฐานจากห้องพักของเขาเสร็จแล้ว แต่ยังไม่อนุญาตให้ผู้อาศัยกลับเข้าไปในอาคารเนื่องจากกลัวอันตรายที่เกิดจากสารเคมี[80] เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่าพบหน้ากากแบทแมนภายในอพาร์ทเมนต์[81] ในวันที่ 23 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบรวมหลักฐานในอพาร์ทเมนต์เสร็จ[82] และอนุญาตให้ผู้อยู่อาศัยกลับเข้าไปอาศัยในอีก 2 วันต่อมา[83]

แหล่งที่มา

WikiPedia: เหตุยิงกันในออโรรา ค.ศ. 2012 http://www.cbc.ca/news/world/story/2012/07/20/denv... http://www.actionnewsjax.com/content/topstories/st... http://www.amctheatres.com/aurora http://www.basspro.com/GLOCK-G23--40-S&W-Compact-H... http://www.bloomberg.com/news/2012-07-20/time-warn... http://www.businessweek.com/news/2012-07-20/warner... http://www.businessweek.com/news/2012-07-23/colora... http://www.cbsnews.com/8301-18563_162-57477097/col... http://www.cbsnews.com/8301-201_162-57476636/colo-... http://www.cbsnews.com/8301-501363_162-57482669/mi...